โรงเรียนวัดนิโครธาราม

หมู่ที่ 1 บ้านทับปุด ตำบลทับปุด อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา 82180

อาหาร สัญญาณอาหารประเภทหมักและข้อควรระวังในการกินประมาณมาก

อาหาร

อาหาร คนไทยควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคปลาร้า วัตถุดิบในท้องถิ่นนี้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการปรุงอาหารทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพิ่มรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างให้กับอาหารหลากหลายประเภท เช่น สลัดและส้มตำ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือการบริโภคปลาร้าที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆได้

ปลาร้าเป็นอาหารประเภทหมักดอง การหมักปลาสดกับเกลือ และใส่ถังเพื่อทำ อาหาร หมักต้องทำความสะอาดทุกขั้นตอน สองขั้นตอนในการจัดเก็บและปรุงอาหาร ดังนั้นหากเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยปลาร้าที่ไม่สะอาดก็อาจทำให้เจ็บป่วยได้ เพิ่มความตระหนักและความปลอดภัยของผู้บริโภค บทความนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของปลาร้าและผลกระทบต่อสุขภาพ

สิ่งสำคัญคือต้องรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคปลาร้า การบริโภคปลาร้าปรุงสุกในปริมาณที่มากเกินไป รวมทั้งปลาร้าจากปลาน้ำจืด อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพต่างๆ ได้ ปลาและสัตว์น้ำในแหล่งน้ำตามธรรมชาติอาจมีปรสิตซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ การต้มหรือปรุงอาหารปลาก่อนบริโภคเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อกำจัดปรสิตหรือไข่พยาธิที่อาจปนเปื้อนปลา

แม้ปัจจุบันจะมีความเคลื่อนไหวให้ต้มปลาร้าก่อนรับประทาน แต่บางคนก็เลือกปรุงด้วยปลาร้าดิบ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงต่อโรคพยาธิ เช่น พยาธิในลำไส้ พยาธิไตรโคเดอร์มา เป็นต้น แต่โรคพยาธิที่พบบ่อยที่สุดคือพยาธิใบไม้ในตับ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่อาการท้องร่วง ท้องผูก อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง น้ำหนักลด ดีซ่าน ตาเหลือง และมีไข้ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคตับอักเสบได้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ปลาร้า คือ ปลาดิบหมักกับเกลือ ทำให้ส่วนผสมนี้มีโซเดียมสูงมาก แถมคนทั่วโลกไม่ได้กินแค่ปลาร้า แต่มักนำมาทำอาหารจึงต้องปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสอื่นๆ เช่น น้ำปลา ผงชูรส หรือโซเดียมชนิดอื่นๆ ทำให้ร่างกายดูดซึมโซเดียมได้มากขึ้น หากผู้บริโภคมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว ก็อาจเสี่ยงต่ออันตรายจากปลาร้าในรูปของความดันโลหิตสูงได้

โรคไต การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น ปลาร้า ไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อไตซึ่งเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากร่างกายอีกด้วย ทุกวันไตจะกรองของเสียและสารอาหารส่วนเกินออก รวมถึงสารในกลุ่มโซเดียม เมื่อร่างกายดูดซึมโซเดียมมากเกินความต้องการของร่างกายจะทำให้ไตทำงานหนัก การอยู่ในนั้นเป็นเวลานานจะทำให้ไตเสื่อมก่อนวัยอันควร นำไปสู่โรคไต

ปลาร้าเป็นอีกหนึ่งอันตรายต่อสุขภาพของเรา และสิ่งสำคัญคือเราต้องตระหนักถึงภัยคุกคามนี้ สารไนโตรซามีนที่มีอยู่ในอาหารหมักดองหลายชนิด รวมทั้งปลาร้าที่เราชื่นชอบ ถูกระบุว่าเป็นสารก่อมะเร็ง การได้รับสารเหล่านี้เป็นเวลานานสามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งระบบทางเดินอาหาร ตับ และกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น

อาหาร

ไม่เพียงแต่การศึกษามะเร็งตับที่เกิดจากการกินปลาร้าเท่านั้น ยังพบว่า นอกจากปลาร้าแล้วยังมีไนโตรซามีนที่ก่อมะเร็งอีกด้วย การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่มะเร็งตับเช่นกัน โดยเฉพาะปลาร้าที่ปรุงไม่สุกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ อีกทั้งปลาร้าเป็นอาหารที่มีสารอาหารน้อยมาก การบริโภคเป็นประจำอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด นำไปสู่การขาดสารอาหารและการบาดเจ็บของ PLA ในรูปแบบอื่นๆ

แม้ว่าปลาร้าอาจไม่อุดมด้วยสารอาหาร แต่การขาดนิสัยการกินที่เหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าปลาร้าเป็นองค์ประกอบสำคัญของประเพณีการบริโภคอาหารของคนไทยจำนวนมาก ดังนั้น การนำวิธีต่อไปนี้มาใช้ในการบริโภคปลาร้าอย่างปลอดภัยจึงอาจลดโอกาสที่จะเกิดอันตรายจากปลาร้าได้ควรปรุงปลาร้าในอุณหภูมิที่เหมาะสม 90°C เป็นเวลา 5 นาที

ก่อนปรุงหรือรับประทาน ก่อนสั่งอาหารที่ใส่ปลาร้าต้องถามทางร้านว่าใช้ปลาร้าปรุงสุกหรือไม่ เลือกร้านอาหารที่สะอาดและใช้ปลาร้าปรุงสุกเสมอ กินปลาร้าและอาหารหมักดองอื่นๆ ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่บ่อยจนเกินไป หากต้องการหมักปลาร้าเองควรเรียนรู้วิธีทำให้ถูกต้อง เก็บรักษาอย่างถูกต้องในอุปกรณ์ที่สะอาด ปรุงอาหารก่อนเสิร์ฟเลือกซื้อปลาร้าปรุงสำเร็จที่มีอย.

เสิร์ฟแบบเต็มภาชนะโดยปรุงหรือฆ่าเชื้อและตรวจสอบวันหมดอายุก่อนเสมอ ด้วยวิธีนี้ความเสี่ยงของอันตรายจาก PLA จะลดลง คุณควรไปพบแพทย์หากมีอาการหนาวสั่น มีไข้ ตาเหลือง ดีซ่าน ท้องเสีย และคลื่นไส้อาเจียนหลังรับประทานอาหารที่มีปลาร้า ส่วนอาหารดิบหรือสุกๆ ดิบๆ ก็ควรระวังเช่นกัน เช่น ปลาชะโด ส้มปลา ปูเกลือ หมึกบลูริง พิษร้ายแรง หมึกบลูริง Blue Ring Squid

อาจไม่คุ้นหูใครหลายคน แต่เรามักได้ยินชื่อสัตว์ชนิดนี้ในข่าวเป็นระยะๆ เตือนใจผู้ที่รับประทานปลาหมึกให้ระวังในการเลือกซื้อ เพราะพิษของปลาหมึกมีโทษต่อร่างกายมาก บทความนี้ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับปลาหมึกวงแหวนสีน้ำเงิน เพื่อเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยของผู้บริโภคปลาหมึกที่มีวงแหวนสีน้ำเงินสามารถระบุได้จากลักษณะทางกายภาพของมัน

โดยหลักแล้วจะมีวงแหวนสีน้ำเงินกระจายอยู่รอบลำตัวสีเหลืองหรือสีทราย และจะสว่างขึ้นหากถูกรบกวนหรือถูกคุกคาม แม้ว่าปลาหมึกยักษ์วงแหวนสีน้ำเงินจะไม่เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้าย แต่ก็ควรได้รับการดูแลอย่างจริงจังเนื่องจากอาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและอาจถึงแก่ชีวิตได้ ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันทีในกรณีที่สัมผัสหรือได้รับบาดเจ็บ

หมึกวงแหวนสีน้ำเงิน อันตรายจากหมึกวงกลมสีน้ำเงิน อันตรายของปลาหมึกวงแหวนสีน้ำเงินนั้นมาจากสารพิษเตโตรโดท็อกซิน tetrodotoxin TTX ที่ปะปนอยู่ในน้ำลาย ซึ่งเป็นพิษชนิดเดียวกับที่พบในปลาปักเป้าซึ่งสามารถทนอุณหภูมิได้สูงถึง 180 องศาเซลเซียส ดังนั้นความร้อนและการปรุงอาหารธรรมดาไม่สามารถกำจัดพิษนี้ได้อาการมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับพิษ นานหลายนาที

และแปรผันตามปริมาณพิษที่กินเข้าไป อายุ และสถานะสุขภาพของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น น้ำลายเป็นฟองในปาก ยากที่จะกลืน แน่นหน้าอก รู้สึกเหมือนมีหนามแหลม ตะคริวชา เหงื่อออก เวียนหัวเหมือนหมดสติ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ การสูญเสียการมองเห็นและคนที่โดนพิษจากปลาหมึกบลูริงก็มีอาการทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน และเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง อวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานไม่ประสานกัน หายใจไม่ออก กล้ามเนื้อกะบังลมและหน้าอกทำงานผิดปกติ

การขาดออกซิเจนอาจทำให้ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีม่วง และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุดพิษของปลาหมึกบลูริงสามารถทำลายระบบทางเดินหายใจได้ ในกรณีที่ถูกกัดหรือกลืนกิน การไปพบแพทย์ทันทีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการช่วยชีวิต แพทย์อาจให้ความช่วยเหลือโดยให้ออกซิเจน หรือใส่ท่อช่วยหายใจ พร้อมติดตามอาการใหม่ๆ ก่อนไปพบแพทย์ ครอบครัวหรือคนที่คุณรักอาจปฏิบัติตามคำแนะนำในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อดูแลบาดแผลที่ถูกกัด

บทความถัดไป : ปลา สายพันธุ์ปลาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการบุกรุกประเทศ

บทความล่าสุด